เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ โรคหนองใน (Gonorrhea)
- hivteam
- Jul 21, 2024
- 2 min read

โรคหนองใน (Gonorrhea) เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุดทั่วโลก แม้จะเป็นโรคที่รักษาให้หายได้ แต่หากละเลยหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคหนองในอย่างละเอียดในประเด็นสำคัญ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และครอบคลุม
สาเหตุและการติดต่อ
โรคหนองใน เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิด Neisseria gonorrhoeae หรือที่เรียกว่า "gonococcus" เชื้อนี้มีลักษณะพิเศษคือสามารถเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ได้ดีในเยื่อบุที่ชื้นและอุ่นของร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะในระบบสืบพันธุ์ ทางเดินปัสสาวะ ทวารหนัก คอหอย และเยื่อบุตา
การติดต่อของโรคหนองในมีหลายรูปแบบ
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน: นี่เป็นวิธีการติดต่อหลักของโรค โดยเชื้อสามารถแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก และช่องปาก แม้ว่าฝ่ายชายจะไม่หลั่งน้ำอสุจิ เชื้อก็สามารถแพร่กระจายได้
การสัมผัสสารคัดหลั่งที่มีเชื้อโดยตรง: หากมีการสัมผัสสารคัดหลั่งที่มีเชื้อ เช่น น้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่นจากช่องคลอด หรือหนองจากแผลติดเชื้อ แล้วนำไปสัมผัสกับเยื่อบุของตนเอง ก็สามารถติดเชื้อได้
การติดต่อจากแม่สู่ลูก: ทารกสามารถติดเชื้อจากมารดาที่เป็นโรคหนองในระหว่างการคลอด โดยเชื้อมักเข้าสู่ตาของทารก ทำให้เกิดภาวะตาอักเสบรุนแรงที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที
การแพร่เชื้อโดยไม่มีการสอดใส่: แม้จะไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แต่การสัมผัสใกล้ชิดระหว่างอวัยวะเพศหรือการใช้มือสัมผัสอวัยวะเพศที่ติดเชื้อแล้วนำมาสัมผัสอวัยวะเพศของตนเองก็สามารถนำไปสู่การติดเชื้อได้
ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุและกลไกการติดต่อนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โดยเฉพาะการตระหนักว่าการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อ
อาการและระยะฟักตัว ความแตกต่างระหว่างชายและหญิง

โรคหนองในมีระยะฟักตัวที่ค่อนข้างสั้น โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 2 - 7 วันหลังได้รับเชื้อ อย่างไรก็ตาม อาการของโรคมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างเพศชายและเพศหญิง รวมถึงตำแหน่งที่ติดเชื้อ
อาการในเพศชาย
มีหนองสีเหลืองหรือเขียวไหลออกจากท่อปัสสาวะ โดยมักเห็นได้ชัดเจนในตอนเช้าหรือหลังจากไม่ได้ปัสสาวะเป็นเวลานาน
ปัสสาวะแสบขัด หรือมีอาการปวดเวลาปัสสาวะ บางรายอาจมีอาการปัสสาวะบ่อย
ปวด บวม หรือมีอาการอักเสบที่อัณฑะ
เจ็บคอ (กรณีติดเชื้อที่คอหอย)
อาจมีอาการคันหรือระคายเคืองที่ท่อปัสสาวะ
อาการในเพศหญิง
ตกขาวผิดปกติ มีสีเหลืองหรือเขียว และมีกลิ่นที่เปลี่ยนไป
ปัสสาวะแสบขัด หรือปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
ปวดท้องน้อย โดยเฉพาะบริเวณอุ้งเชิงกราน
เลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน หรือมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
เจ็บปวดหรือไม่สบายตัวระหว่างมีเพศสัมพันธ์
อาจมีไข้หรืออ่อนเพลียร่วมด้วย
อาการในตำแหน่งอื่นๆ
ทวารหนัก: อาจมีอาการคัน เจ็บ หรือมีสารคัดหลั่งออกมา
คอหอย: เจ็บคอ มีอาการคล้ายคออักเสบ
ตา: ตาแดง คัน มีขี้ตามาก หรือตาอักเสบรุนแรง
สิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักคือ ผู้ติดเชื้อจำนวนมากอาจไม่แสดงอาการใดๆ เลย โดยพบว่าประมาณ 10-15% ของผู้ชายและ 50-80% ของผู้หญิงที่ติดเชื้อไม่มีอาการ ซึ่งทำให้การแพร่เชื้อเกิดขึ้นได้โดยที่ผู้ติดเชื้อไม่รู้ตัว นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้โรคหนองในแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและยากต่อการ
การวินิจฉัยและการตรวจคัดกรอง
การตรวจคัดกรองเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคหนองใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงว่าผู้ติดเชื้อจำนวนมากอาจไม่แสดงอาการ การตรวจคัดกรองช่วยให้สามารถตรวจพบและรักษาผู้ติดเชื้อได้เร็วขึ้น ซึ่งนำไปสู่การลดการแพร่เชื้อและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
กลุ่มเป้าหมายในการตรวจคัดกรอง
องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐอเมริกา แนะนำให้มีการตรวจคัดกรองในกลุ่มต่อไปนี้
ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หญิงตั้งครรภ์ (โดยเฉพาะในไตรมาสแรก)
ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย
วัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นที่มีเพศสัมพันธ์ (โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอัตราการติดเชื้อสูง)
ผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมทางเพศ
ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอัตราการติดเชื้อสูง
ความถี่ในการตรวจคัดกรอง
ความถี่ในการตรวจคัดกรองขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล
สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย: แนะนำให้ตรวจทุก 3-6 เดือน
สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงปานกลาง: อาจตรวจปีละครั้ง
สำหรับหญิงตั้งครรภ์: ควรตรวจในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ และอาจตรวจซ้ำในไตรมาสที่สามหากมีความเสี่ยงสูง
วิธีการตรวจคัดกรอง
วิธีการตรวจคัดกรองที่นิยมใช้ในปัจจุบัน คือ
การตรวจด้วยวิธี Nucleic Acid Amplification Tests (NAATs) จากตัวอย่างปัสสาวะหรือสารคัดหลั่งจากช่องคลอด: วิธีนี้มีความแม่นยำสูงและไม่ก่อให้เกิดความไม่สบายตัวแก่ผู้รับการตรวจ
การเก็บตัวอย่างด้วยตนเอง: ในบางประเทศมีการใช้ชุดตรวจที่ผู้รับการตรวจสามารถเก็บตัวอย่างด้วยตนเองที่บ้าน แล้วส่งไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ วิธีนี้ช่วยเพิ่มการเข้าถึงการตรวจคัดกรองและลดความอายหรือความกังวลในการเข้ารับการตรวจ
ประโยชน์ของการตรวจคัดกรอง
ช่วยตรวจพบการติดเชื้อในระยะเริ่มแรก ก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน
ลดการแพร่เชื้อในชุมชน เนื่องจากสามารถให้การรักษาผู้ติดเชื้อได้เร็วขึ้น
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนระยะยาว เช่น ภาวะมีบุตรยาก
ในหญิงตั้งครรภ์ ช่วยป้องกันการติดเชื้อในทารกแรกเกิด
การรักษา โรคหนองใน

การรักษาโรคหนองในที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงแต่สำหรับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รับประทานยาให้ครบตามกำหนด และกลับมาตรวจติดตามผลตามนัด
หลักการรักษาพื้นฐาน
การใช้ยาปฏิชีวนะ: โรคหนองในรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ โดยแพทย์จะเลือกชนิด และขนาดยาตามความรุนแรงของโรค
การรักษาคู่นอน: จำเป็นต้องรักษาคู่นอนทุกคนในช่วง 60 วันที่ผ่านมาพร้อมกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
การงดมีเพศสัมพันธ์: แนะนำให้งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 7 วันหลังการรักษาครบและอาการหายดี
การติดตามผล: ควรกลับมาตรวจซ้ำหลังการรักษาเพื่อยืนยันว่าหายขาด
ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษา
ในอดีต ยาที่ใช้รักษาโรคหนองในมีหลายชนิด แต่เนื่องจากปัญหาเชื้อดื้อยา ทำให้แนวทางการรักษาในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลง ยาที่เคยใช้และยาที่ใช้ในปัจจุบัน ได้แก่:
Ceftriaxone: ยาฉีดในกลุ่ม cephalosporin รุ่นที่ 3 ซึ่งยังคงเป็นยาหลักในการรักษา
Azithromycin: ยากินในกลุ่ม macrolide มักใช้ร่วมกับ ceftriaxone
Cefixime: ยากินในกลุ่ม cephalosporin ที่เคยใช้เป็นทางเลือกแต่ปัจจุบันพบปัญหาเชื้อดื้อยามากขึ้น
Spectinomycin: ยาฉีดที่ใช้ในกรณีแพ้ยากลุ่ม cephalosporin
Ciprofloxacin และ Ofloxacin: ยากลุ่ม fluoroquinolone ที่เคยใช้แต่ปัจจุบันไม่แนะนำเนื่องจากปัญหาเชื้อดื้อยา
แนวทางการรักษาในปัจจุบัน
องค์การอนามัยโลกและหน่วยงานสาธารณสุขในหลายประเทศได้ปรับแนวทางการรักษาโรคหนองใน โดยทั่วไปแนะนำการรักษาแบบผสมผสาน (Dual therapy) ดังนี้
Ceftriaxone ขนาดสูง (250-500 mg) ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว ร่วมกับ
Azithromycin (1-2 g) รับประทานครั้งเดียว
แนวทางนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา และชะลอการเกิดเชื้อดื้อยา อย่างไรก็ตาม แนวทางการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศขึ้นอยู่กับรูปแบบการดื้อยาในพื้นที่นั้นๆ
ความสำคัญของการรักษาที่ถูกต้องและครบถ้วน
การรักษาโรคหนองในอย่างถูกต้องและครบถ้วนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก
ช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหากไม่ได้รับการรักษา
ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อต่อไปยังผู้อื่น
ช่วยชะลอการเกิดเชื้อดื้อยา
การป้องกันโรคหนองใน

การป้องกันโรคหนองในเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการควบคุมการแพร่ระบาดและลดผลกระทบของโรค การป้องกันที่ครอบคลุมต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งในระดับบุคคล ชุมชน และนโยบายสาธารณสุข
ในระดับบุคคล การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อ ถุงยางอนามัยช่วยสร้างแบริเยร์ป้องกันการสัมผัสโดยตรงระหว่างอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการแพร่เชื้อ นอกจากนี้ ควรใช้ถุงยางอนามัยหรือแผ่นยางอนามัยสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางปากด้วย เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อที่คอ
การจำกัดจำนวนคู่นอนเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยง ยิ่งมีคู่นอนน้อย โอกาสสัมผัสกับผู้ติดเชื้อก็ยิ่งน้อยลง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคู่นอนเพียงคนเดียว การใช้ถุงยางอนามัยก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากคู่นอนอาจติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ
การรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลก็มีส่วนช่วยในการป้องกัน โดยเฉพาะการล้างมือให้สะอาดหลังการสัมผัสอวัยวะเพศหรือสารคัดหลั่ง และการทำความสะอาดอวัยวะเพศก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ แม้ว่าวิธีนี้จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยงลงได้
การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำเป็นอีกหนึ่งมาตรการป้องกันที่สำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือผู้ที่มีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การตรวจพบและรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดโอกาสการแพร่เชื้อต่อไปยังผู้อื่น
การให้ความรู้เรื่องเพศศึกษา และการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไปเป็นกลยุทธ์สำคัญในระดับชุมชนและสังคม การศึกษาที่ครอบคลุมควรรวมถึงความรู้เกี่ยวกับโรค วิธีการติดต่อ อาการ การป้องกัน และความสำคัญของการตรวจคัดกรองและการรักษา การให้ความรู้ที่ถูกต้องและเหมาะสมตามวัยจะช่วยให้ประชาชนมีทักษะในการป้องกันตนเองและตัดสินใจอย่างรับผิดชอบ
ในระดับนโยบายสาธารณสุข การส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพทางเพศและอนามัยเจริญพันธุ์เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งรวมถึงการจัดให้มีบริการตรวจคัดกรอง การรักษา และการให้คำปรึกษาที่เข้าถึงได้ง่าย ราคาไม่แพง และเป็นมิตรกับผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและประชากรกลุ่มเสี่ยง นอกจากนี้ การรณรงค์สาธารณะเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคและการป้องกันก็เป็นส่วนสำคัญของการป้องกันในระดับประชากร
การลดการตีตราทางสังคมเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นอีกประเด็นสำคัญ การตีตราอาจทำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือสงสัยว่าติดเชื้อไม่กล้าเข้ารับการตรวจหรือรักษา ซึ่งส่งผลให้การแพร่ระบาดของโรคยากต่อการควบคุม การสร้างสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปิดกว้างและให้การสนับสนุนจะช่วยให้ผู้คนกล้าที่จะพูดคุยเรื่องสุขภาพทางเพศและเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้อย่างไม่ลังเล
สำหรับคู่สมรสหรือคู่ที่วางแผนจะมีบุตร การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก่อนการตั้งครรภ์เป็นมาตรการป้องกันที่สำคัญ เพื่อป้องกันการติดเชื้อในทารกระหว่างการตั้งครรภ์หรือการคลอด
ตรวจโรคหนองใน รักษาโรคหนองใน เชียงใหม่ ได้ที่ไหน?
สำหรับชาวเชียงใหม่ ที่ต้องการ ตรวจคัดกรองโรคหนองใน หรือ รักษาโรคหนองใน สามารถเข้ารับบริการ ได้ที่ Hugsa Clinic กลางเวียง เชียงใหม่ ที่ให้บริการโดยทีมแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อมอบคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีให้กับชาวเชียงใหม่อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา พร้อมบริการด้านการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และก้าวทันนวัตกรรมทางการแพทย์ ทุกข้อมูลส่วนตัวของคุณ จะเป็นความลับอย่างแน่นอน
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม
ติดต่อเราได้ที่
ฮักษาคลินิก กลางเวียง เชียงใหม่
ตั้งอยู่ที่ 77/7 ถนน คชสาร ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่
เปิดบริการทุกวัน
จันทร์ – ศุกร์ 10.00 – 20.00 น.
เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 18.00 น.
สอบถามผ่าน Line id. @hugsaclinic (มี @ ด้วยนะครับ)
เบอร์โทรติดต่อ ☎ 093 309 9988
แผนที่คลินิก 🚗 https://g.page/hugsa-medical?share
จองคิวตรวจออนไลน์ https://hugsa.youcanbook.me
โรคหนองใน (Gonorrhea) เป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาได้ แต่ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ การทำความเข้าใจในประเด็นเหล่านี้ จะช่วยให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกัน การตรวจคัดกรอง และการรักษาแต่เนิ่นๆ รวมถึงการให้ความรู้และการสนับสนุนทางสังคมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ การร่วมมือกันในทุกภาคส่วนจะช่วยลดการแพร่ระบาดและผลกระทบของโรคหนองในได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Comments